งานพาร์ทไทม์ หลายคนมักติดปัญหาเมื่อต้องเข้าไปสัมภาษณ์งานในองค์กรใหญ่ๆ ซึ่งบางครั้งคำถามที่ผู้คัดเลือกหรือฝ่าย HR ทำการสอบถามมานั่น อาจจะเป็นคำถามที่คุณไม่ได้ตั้งตัว หรือไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็เป็นได้ ในความเป็นจริงของการตอบคำถามเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งานนั้น เรียกได้ว่าไม่มีคำถามที่ตายตัวหรือคำตอบที่ถูกหรือผิด มันเป็นการตอบคำถามในเชิงแสดงความคิดเห็นหรือทัศนคติของผู้สมัครงาน ที่มีต่อสาขาอาชีพนั้นๆ และภาพรวมของกระบวนการทำงาน
ซึ่งปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าการเปิดรับสมัครงานนั้น มีช่องทางการสมัครงานมีให้คนหางานได้เลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แถมมีความสะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มคนหางานตรงกลุ่มสาขาอาชีพได้อีกด้วย แต่ปัญหาเหล่านี้ก็อาจจะมีผลกระทบต่อผู้หางานก็เป็นได้ เพราะด้วยความที่สะดวกและรวดเร็ว ทำให้การแข่งขันทางด้านการหางานมีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อโอกาสที่คุณจะได้งานนั้นน้อยลงตามไปอีกด้วย ดังนั้นในเอกสารการสมัครงานหรือเรซูเม่ เปรียบเสมือนเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องให้ความใส่ใจในการกรอกลายละเอียดลงไป เพราะหากว่าข้อมูลของคุณมีความน่าสนใจหรือมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน คุณก็จะมีโอกาสได้ถูกคัดเลือกเข้าสู่ขั้นตอนการสัมภาษณ์งานต่อไป
แนวทางการตอบคำถามสัมภาษณ์เพื่อให้ได้งาน
– ตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ในกระบวนการสัมภาษณ์งานสำหรับการสร้างความประทับใจแรกเห็น ที่องค์กรจะได้เห็นบุคลิกภาพของคุณ รวมถึงภาพรวมไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหน้าตา รูปร่าง รวมถึงการแต่งตัวที่ให้เกียรติสถานที่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้คุณมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และเมื่อคุณต้องตอบคำถาม ควรทวนคำถามในใจก่อน และไม่ต้องรีบตอบคิดตรึกตรองเรียบเรียงคำตอบในใจก่อน แล้วค่อยพูดหรืออธิบายให้ผู้คัดเลือกได้ฟัง พร้อมทั้งให้พูดหรือแสดงออกด้วยความมั่นใจ ว่าคุณสามารถทำงานนั้นได้ ให้ดูว่าคุณเป็นมืออาชีพมากที่สุด ไม่ได้มือสมัครงาน หรือคนจบใหม่ที่เริ่มต้นหางาน
– มีแนวคิดและมุมมองที่ก้าวไกล หากคุณอยากดูเป็นมืออาชีพทางด้านสายงาน รองเปิดมุมมองและแสดงแนวความคิดที่ชัดเจน รวมถึงการนำเสนอข้อมูลความรู้ในกระบวนการใหม่ๆ ที่สามารถนำมาต่อยอมหรือประยุกต์ใช้กับกระบวนการทำงานได้ ให้องค์กรนั้นได้มองเห็นว่า ถ้าพวกเค้าได้เลือกคุณเข้าทำงาน จะช่วยนำพาองค์กรของพวกเค้าให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป
– มีทัศนคติที่ดีต่อกระบวนการทำงาน สิ่งสำคัญของกระบวนการในการสัมภาษณ์งานนั้น คือผู้คัดเลือกสามารถทราบถึงทัศนคติของผู้สมัครคนนั้นๆ ว่ามีแนวความคิดในการทำงานอย่างไร เพื่อที่พวกเค้าจะได้นำผลการสัมภาษณ์งานมาทำการวิเคราะห์ ว่าถ้าเค้ารับบุคคลเหล่านี้เข้ามาทำงานร่วมกับองค์กรแล้ว จะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะหากคนนั้นมีทัศนคติการทำงานในแง่ลบ เมื่อมีโอกาสก้าวเข้ามาทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ก็มีแต่จะสร้างความแตกแยกและปัญหาให้กับเพื่อนรวมงานอีกด้วย
– มีไหวพริบดีพร้อมเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เนื่องจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้คนหางานในยุคปัจจุบันจะต้องเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาความรู้เพิ่มเติมแบบไม่หยุดนิ่ง รวมถึงความรู้อื่นๆ รอบตัว ที่จะช่วยส่งเสริมให้กระบวนการทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
– มีบุคลิกภาพที่ดี แน่นอนว่าไม่ว่าองค์กรไหนๆ ก็มีความคาดหวังที่อยากได้พนักงานของพวกเค้ามีรูปหน้าตาที่ดี เพราะการมีบุคลิกภาพที่ดีนั้นมันบ่งบอกถึงลักษณะการทำงานของคนๆ นั้น หากเป็นคนที่อ้วน เดินอุ้ยอ้าย แน่นอนว่าการทำงานของพวกเค้าก็อาจจะเป็นการทำงานแบบเนิบๆ หรือทำงานแบบเรื่อยๆ แต่ถ้าคนที่มีบุคลิกภาพทะมัดทะแมง เวลาทำงานก็จะกระฉับกระเฉง ทำให้คนที่ต้องทำงานร่วมด้วยไม่รู้สึกอึดอัดก็เป็นได้
– มีทักษะทางด้านการพูดและการทำงาน ในกระบวนการทำงานจริงมันจะต้องมีการทำงานร่วมกันกับคนในสังคม ดังนั้นหากคุณสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็จะส่งผลให้เกิดประโยชน์ในการติดต่อประสานงาน รวมถึงการทำงานร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นหากคุณมีทักษะการเจรจาในการทำงาน ก็จะช่วยให้การทำงานของคุณนั้นมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
แน่นอนว่าขั้นตอนของกระบวนการสัมภาษณ์งานนั้นเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างมาก มันเป็นขั้นตอนที่ผู้คัดเลือกสามารถประเมินผล พร้อมดูผู้สมัครงานแต่ละคนว่าใครมีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นมากที่สุด รวมถึงผู้สมัครงานเหล่านั้นมีบุคลิกภาพและมีทัศนคติในการทำงานอย่างไร เพื่อที่เวลาพวกเค้าได้มีโอกาสก้าวเข้ามาทำงาน จะไม่สร้างภาระให้กับองค์กรและเพื่อนร่วมงานอีกด้วย